พิพิธภัณฑ์ผู้พันไก่สะสมของโบราณพิษณุโลก
ยินดีต้อนรับเข้าสู่พิพิธภัณฑ์สะสมของโบราณผู้พันไก่พิษณุโลกโดย พันเอกเกียรติกุล ก่อพงศาสตร์
ยินดีต้อนรับเข้าสู่พิพิธภัณฑ์สะสมของโบราณผู้พันไก่พิษณุโลกโดย พันเอกเกียรติกุล ก่อพงศาสตร์
เล่าเรื่องจาก เรื่องโศกนาฏกรรมช้าง
ในพิษณุโลก

ฟังพ่อเล่า พันเอก สกล ก่อพงศาสตร์ อายุ 86ปี เล่าให้ฟังสมัยก่อนปี2500 บ้านเมืองยังเป็นผืนป่ารกทึบในช่วงหน้าน้ำมีฝูงช้างป่าจากเทือกเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ พัดหนีน้ำเข้ามาในพื้นที่ดอนบริเวณ บ้านแม่ระหัน ตำบลบ้านกร่าง จังหวัดพิษณุโลก ช้างฝูงนี้มียี่สิบกว่าตัว มีช้างตัวหนึ่งในฝูงตัวใหญ่มีงาใหญ่ยาวลากถึงพื้นดินเนื่องจากช้างตัวใหญ่มีงาใหญ่ยาวและมีความสวยงามจึงทำให้เป็นที่ต้องการของพวกนักล่า ในสมัยก่อน ในกลุ่มนักล่าพวกนี้ มีทั้งชาวบ้านและพวกเสืออยู่ด้วย คำว่า “เสือ” ในที่นี้ไม่ใช่สัตว์แต่เป็นพวกมีอิทธิพลนักเลงหัวไม้ ชอบปล้นวัวควาย ลักขโมย ฆ่าคนเป็นว่าเล่น คนสมัยก่อนจึงเรียกคนพวกนี้ว่า “เสือ” กลุ่มนักล่าเป็นคนบ้านไผ่ขอดอนรวมตัวกับคนในพื้นที่บ้านแม่ระหันที่ช้างเดินผ่าน การไล่ล่างาช้างจึงเกิดขึ้นจากบ้านแม่ระหันท้ายตำบลบ้านกร่าง ถูกไล่ล่าขึ้นไปถึงบ้านไผ่ขอดอน ช้างตัวงายาวเคลื่อนที่ช้าเนื่องจากตัวใหญ่ อายุมากและงาที่ยาวลากพื้นดินและละกิ่งไม้ไปตลอดทาง เมื่อถูกล่าเหมือนเป็น สัณชาตญาณของช้างในฝูง ที่รู้ว่ากำลังจะถูกล่าเอางาจากคน ช้างตัวอื่นๆจะเข้าไปปกป้องตัวที่มีงาใหญ่ ช้างต้วที่เข้ามาปกป้องได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนไปหลายตัว ส่วนเจ้าตัวใหญ่งายาวก็ได้รับบาดเจ็บและทนพิษบาดแผลไม่ไหว เดินไปล้มตายเลยบริเวณบ้านไผ่ขอดอนขึ้นไปเล็กน้อย
หลังจากรวมตัวกันไล่ล่าจนได้งาช้างมาแล้ว กลุ่มคนทั้ง2หมู่บ้านที่รวมตัวกันไล่ล่า ต่างก็ต้องการงาช้างเอาไปเป็นของตนเอง จึงเกิดการทะเลาะกัน ทางฝั่งบ้านไผ่ขอดอนไม่พอใจกลุ่มคนจากบ้านแม่ระหันเป็นอย่างมาก จึงได้มาหากลุ่มคนที่บ้านแม่ระหันที่บ้าน แต่เวลานั้นเจ้าของบ้านผู้ชายไม่อยู่บ้าน มีเมียและลูกอยู่บ้าน เมื่อกลุ่มคนบ้านไผ่ขอดอนรู้ดังนั้นจึงใช้ปืนไล่ยิงคนทั้งครอบครัวซึ่งในขณะนั้นคนบ้านแม่ระหันแถวที่ช้างเดินผ่าน มีบ้านอยู่เพียง 3 หลัง ซึ่งผู้ชายทั้ง 3 ครอบครัวได้เข้าร่วมไล่ล่าช้างฝูงนี้ด้วย กลุ่มคนจากบ้านไผ่ขอดอนจึงได้ไล่ฆ่าทั้ง 3 ครอบครัวตายทั้งหมด ในสมัยนั้นพวกคนบ้านไผ่ขอดอนที่รวมกลุ่มมาล่าช้างจะเป็นเสือหรือนักเลงเยอะ เมื่อคนกลุ่มนี้ได้ฆ่าคนบ้านแม่ระหัน 3 ครอบครัวนี้ไปหมด งาช้างทั้ง 2 อันจึงไปอยู่ที่บ้านไผ่ขอดอน จากนั้นคนกลุ่มนี้ก็ได้เกิดการแย่งชิงงาช้างกันเอง เพราะต่างคนต่างก็อยากได้ ต่างคนก็เป็นนักเลงไม่กลัวใคร ช่วงแรกงาช้างคู่นี้ได้ไปอยู่ที่บ้านบางคนในกลุ่ม ทำให้คนที่ไม่ได้ครอบครองเกิดความเคียดแค้นและไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ไล่ฆ่าคนที่มีงาช้าง ไล่ฆ่าตายทั้งบ้านและแย่งชิงมา ในตอนนั้นคนอื่นๆก็ไปตามฆ่าครอบครัวคนที่ครอบครองงาช้างไปเรื่อยๆ จนตายไปหลายครอบครัวมาก ช่วงนั้นมีคนตายเยอะมาก จากนั้นก็ได้ยินข่าวแค่เพียงว่า คนสุดท้ายที่ได้งาช้างไปครอบครองได้ขายงาช้างคู่นี้ไปในราคา 20,000 บาท ไม่แน่ชัดว่าขายไปให้ใครและอยู่ที่ไหน